BCG Model กับอนาคต SME ไทย : ทำเงินได้ทั้งเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม

share to:

Facebook
Twitter

ในยุคที่โลกกำลังเผชิญกับวิกฤตสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การดำเนินธุรกิจแบบเดิมที่มุ่งเน้นเพียงผลกำไรไม่เพียงพออีกต่อไป โมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) จึงเป็นแนวคิดที่ได้รับความสนใจอย่างมากในประเทศไทย โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจ SME ที่กำลังมองหาโอกาสในการเติบโตอย่างยั่งยืน บทความนี้จะนำเสนอวิธีที่ SME ไทยสามารถนำแนวคิด BCG มาประยุกต์ใช้เพื่อสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจและสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน

BCG Model คืออะไร ?
BCG Model เป็นโมเดลเศรษฐกิจที่ผสมผสาน 3 แนวคิดหลักเข้าด้วยกัน

  1. เศรษฐกิจชีวภาพ (Bio Economy) – การใช้ทรัพยากรชีวภาพอย่างคุ้มค่า สร้างมูลค่าเพิ่มจากวัตถุดิบทางการเกษตรและความหลากหลายทางชีวภาพ
  2. เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) – การนำทรัพยากรกลับมาใช้ซ้ำหรือรีไซเคิล ลดการสร้างขยะและการใช้ทรัพยากรใหม่
  3. เศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) – การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม พัฒนาธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

รัฐบาลไทยได้กำหนดให้ BCG Model เป็นวาระแห่งชาติ โดยมีเป้าหมายในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน พร้อมกับสร้างภูมิคุ้มกันต่อวิกฤตต่าง ๆ ในอนาคต

โอกาสของ SME ไทยในการนำ BCG Model ไปใช้

1. การสร้างมูลค่าเพิ่มจากทรัพยากรชีวภาพ
ประเทศไทยมีความอุดมสมบูรณ์ด้านทรัพยากรชีวภาพ SME สามารถใช้ประโยชน์จากจุดเด่นนี้ได้หลายรูปแบบ

  • แปรรูปผลิตภัณฑ์การเกษตร : การแปรรูปสินค้าเกษตรเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ เครื่องสำอาง หรือผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่มีมูลค่าสูงขึ้น
  • พัฒนาเภสัชภัณฑ์และสมุนไพร : การนำสมุนไพรไทยมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม
  • พัฒนาวัสดุชีวภาพ : การผลิตบรรจุภัณฑ์ย่อยสลายได้จากวัสดุชีวภาพ เช่น ชานอ้อย มันสำปะหลัง เป็นต้น

2. การเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน
SME สามารถปรับกระบวนการผลิตและธุรกิจให้เป็นส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจหมุนเวียนได้โดย

  • การออกแบบเพื่อการนำกลับมาใช้ใหม่ : ออกแบบผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำหรือรีไซเคิลได้ง่าย
  • การใช้ประโยชน์จากของเสีย : นำของเสียจากกระบวนการผลิตมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่หรือพลังงาน
  • การพัฒนาธุรกิจแบบแบ่งปัน : พัฒนาแพลตฟอร์มแบ่งปันทรัพยากรหรือสินค้าที่ใช้งานไม่เต็มประสิทธิภาพ

3. การสร้างธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
SME สามารถสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันด้วยการพัฒนาสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม:

  • การผลิตพลังงานสะอาด : ธุรกิจพลังงานหมุนเวียนขนาดเล็ก เช่น โซลาร์เซลล์สำหรับครัวเรือนหรือชุมชน
  • การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ : พัฒนาธุรกิจท่องเที่ยวที่อนุรักษ์ธรรมชาติและวัฒนธรรมท้องถิ่น
  • ผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำ : พัฒนาสินค้าที่มีการปล่อยคาร์บอนต่ำตลอดวงจรชีวิต

กรณีศึกษา: SME ไทยที่ประสบความสำเร็จกับ BCG Model

1. บริษัท อินโนกรีน (สมมติ)
อินโนกรีนเป็น SME ที่ผลิตบรรจุภัณฑ์จากเศษเหลือทางการเกษตร เช่น ฟางข้าว ชานอ้อย และใบสับปะรด บริษัทได้พัฒนาเทคโนโลยีการแปรรูปวัสดุเหลือใช้เหล่านี้ให้เป็นบรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้ในเวลาเพียง 45 วัน นอกจากจะช่วยลดปัญหาขยะพลาสติกแล้ว ยังช่วยสร้างรายได้เพิ่มให้กับเกษตรกรที่เป็นผู้ส่งมอบวัตถุดิบอีกด้วย

2. บริษัท ไบโอเทค (สมมติ)
ไบโอเทคเป็นธุรกิจสตาร์ทอัพที่พัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องสำอางจากสมุนไพรไทย โดยใช้เทคโนโลยีชีวภาพในการสกัดสารสำคัญและพัฒนาสูตรที่มีประสิทธิภาพ บริษัทได้พัฒนาระบบการปลูกสมุนไพรแบบอินทรีย์ร่วมกับเกษตรกรในท้องถิ่น ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่เป็นที่ยอมรับในตลาดต่างประเทศ

กลยุทธ์สำหรับ SME ในการนำ BCG Model ไปประยุกต์ใช้

1. การประเมินโอกาสทางธุรกิจ

  • วิเคราะห์ทรัพยากรและของเสียในธุรกิจที่มีศักยภาพในการสร้างมูลค่าเพิ่ม
  • ศึกษาความต้องการของตลาดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
  • ค้นหาพันธมิตรที่มีแนวคิดเดียวกันเพื่อสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจที่ยั่งยืน

2. การเข้าถึงนวัตกรรมและเทคโนโลยี

  • ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยหรือสถาบันวิจัยในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม
  • เข้าร่วมโครงการสนับสนุนนวัตกรรมด้าน BCG ของภาครัฐ
  • ลงทุนในการวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน

3. การเข้าถึงแหล่งเงินทุน

  • ใช้ประโยชน์จากกองทุนและสินเชื่อเพื่อธุรกิจ BCG ที่ภาครัฐจัดตั้งขึ้น
  • ศึกษาโอกาสในการระดมทุนจากนักลงทุนที่สนใจธุรกิจที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
  • พิจารณาการเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากต่างประเทศที่สนับสนุนโครงการด้านสิ่งแวดล้อม

4. การพัฒนาตลาดและการสร้างแบรนด์

  • นำเสนอจุดขายเรื่องความยั่งยืนและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
  • ขอการรับรองมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนที่เป็นที่ยอมรับ
  • เจาะตลาดผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและพร้อมจ่ายเพิ่มสำหรับสินค้าและบริการที่ยั่งยืน

ความท้าทายและแนวทางการแก้ไข

1. ต้นทุนเริ่มต้นที่สูง
แนวทางแก้ไข : เริ่มต้นจากการปรับปรุงกระบวนการที่มีต้นทุนต่ำก่อน เช่น การลดการใช้พลังงาน การจัดการของเสีย จากนั้นจึงค่อยๆ ขยายการลงทุนตามผลกำไรที่เพิ่มขึ้น

2. การเข้าถึงเทคโนโลยี
แนวทางแก้ไข : สร้างเครือข่ายความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา หน่วยงานวิจัย และธุรกิจอื่นๆ เพื่อแบ่งปันความรู้และทรัพยากร

3. การเข้าถึงตลาด
แนวทางแก้ไข : ใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มออนไลน์และสื่อสังคมออนไลน์ในการสื่อสารจุดเด่นของสินค้าและบริการ รวมถึงการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าด้านความยั่งยืน

บทสรุป

BCG Model เป็นโอกาสสำคัญสำหรับ SME ไทยในการพัฒนาธุรกิจที่ไม่เพียงแต่สร้างผลกำไร แต่ยังสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม การนำแนวคิด BCG มาประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสมจะช่วยให้ SME ไทยสามารถสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันในตลาดโลก เข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจในระยะยาว

อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จในการนำ BCG Model มาใช้ต้องอาศัยการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคการศึกษา และภาคธุรกิจ เพื่อสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการพัฒนาธุรกิจตามแนวทาง BCG ที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ นี่คือโอกาสสำคัญที่ SME ไทยไม่ควรมองข้าม ในการก้าวสู่อนาคตที่ทำเงินได้ทั้งเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน

 

ที่มาภาพ/ข้อมูล อ่านบทความทั้งหมดได้ที่ : https://www.prd.go.th/th/content/category/detail/id/31/iid/386194