ปราบหนอนกระทู้หอมและหนอนกระทู้ผักศัตรู ‘กล้วยไม้’ ด้วย ‘ไวรัสเอ็นพีวี’

กล้วยไม้เป็นพืชเศรษฐกิจของไทยที่สร้างรายได้จากการส่งออกมากกว่า 200 ล้านบาทต่อปี แต่ในการเพาะปลูกกล้วยไม้หนึ่งในปัญหาหลักที่เกษตรกรต้องเผชิญ คือ ‘หนอนบุกกัดกิน’ ทำให้ดอกและใบถูกทำลายจนเกษตรกรไม่สามารถตัดดอกขายหรือจำหน่ายต้นกล้วยไม้ได้ส่งผลให้ขาดทุนหนัก ทำให้ที่ผ่านมาหลายสวนรับมือกับ ‘หนอนกระทู้หอม’ และ ‘หนอนกระทู้ผัก’ 2 ศัตรูหลักของกล้วยไม้ด้วยสารเคมีซึ่งเป็นวิธีการที่ไม่ยั่งยืน เพราะนอกจากจะทำให้หนอนดื้อยาจำเป็นต้องใช้สารเคมีที่แรงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว สารเคมีที่ใช้ยังเป็นอันตรายต่อผู้ปฏิบัติงานและสิ่งแวดล้อม ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เสนอแก้ปัญหาด้วยชีวภัณฑ์ ‘ไวรัสเอ็นพีวี (Nuclear Polyhedrosis Virus: NPV)’ ไวรัสก่อโรคในแมลง ไม่มีสารพิษตกค้าง ปลอดภัยต่อผู้ใช้งานและสิ่งแวดล้อม ที่สำคัญช่วยลดสารเคมีและค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้อีกด้วย จุดเด่นของไวรัสชนิดนี้ คือ มีความจำเพาะกับหนอน 3 ชนิด ได้แก่ หนอนกระทู้หอม หนอนกระทู้ผัก และหนอนเจาะสมอฝ้าย เมื่อหนอนกินไวรัสเข้าไป จะป่วย กินอาหารได้น้อยลง และตายใน 5-7 วัน ด้วยกลไกตามธรรมชาตินี้จะทำให้แมลงศัตรูพืชไม่เกิดการดื้อยา ทางด้านวิธีการใช้งานก็ใช้ได้ง่ายเพียงผสมน้ำและฉีดพ่นให้ทั่วดอกและใบเท่านั้น ปัจจุบัน ไบโอเทค สวทช. ได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตให้แก่บริษัทเอกชนแล้ว 2 บริษัท คือ […]
“สารบีเทพ (BeThEPS)” สารรักษาสภาพน้ำยางสดเพื่อแปรรูปยางแผ่น “ยืดอายุ ลดสารเคมี ดีต่อสิ่งแวดล้อม”

ตามปกติแล้วน้ำยางสดที่เกษตรกรกรีดจากต้นยางพาราจะมีอายุเพียง 4-6 ชั่วโมงเท่านั้น หลังจากนั้นจะบูด แข็ง และส่งกลิ่นเหม็น ทำให้ที่ผ่านมาเกษตรกรแก้ปัญหาด้วยการใส่ 2 สารเคมีอันตรายเพื่อยืดอายุ สารแรกคือ ‘แอมโมเนีย’ ซึ่งมีกลิ่นฉุนและเป็นพิษต่อผู้ปฏิบัติงานและสิ่งแวดล้อม นอกจากนั้นยังระเหยง่ายทำให้ช่วยยืดอายุได้ไม่นาน อีกสารคือ ‘โซเดียมซัลไฟต์’ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพยาง เมื่อนำน้ำยางสดมาขึ้นรูปจะทำให้เกิดฟอง คุณภาพยางแผ่นลดลง ทำให้น้ำยางมีราคาถูก จากปัญหาดังกล่าวนักวิจัยศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จึงได้พัฒนา “BeThEPS (บีเทพ)” สารรักษาสภาพน้ำยางพาราสด เพื่อทดแทนการใช้สารเคมีอันตราย BeThEPS ช่วยยืดอายุน้ำยางสดได้นานกว่าเดิม 1-3 วัน ลดการเกิดของเสีย และลดความถี่ในการขนส่งให้แก่เกษตรกรได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้น้ำยางที่ใส่สาร BeThEPS ยังนำมาแปรรูปเป็นยางแผ่นรมควันได้มีคุณภาพ เหมาะแก่การนำไปผลิตเป็นยางล้อ ชิ้นส่วนยานยนต์ สายพานลำเลียง พื้นรองเท้า ยางปูพื้น และกาวยาง ช่วยให้เกษตรกรจำหน่ายน้ำยางได้ราคาดี ปัจจุบันเอ็มเทคได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตสาร BeThEPS ให้แก่ 4 ผู้ประกอบการแล้ว ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่บริษัทเอกชนผู้รับถ่ายทอดเทคโนโลยี รายละเอียดเพิ่มเติม สารบีเทพ (BeThEPS) สารรักษาสภาพน้ำยางสดเพื่อแปรรูปยางแผ่น […]
สวทช. ร่วม หจก. ลักกี้ซีดส์อโกร ปรับปรุงพันธุ์ ‘ปทุมมา’ เพิ่มความหลากหลาย สร้างรายได้เสริมให้แก่เกษตรกรในฤดูฝน

ปทุมมาเป็นไม้ดอกสวยงามที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย และมีมูลค่าการส่งออกสูงเป็นอันดับ 2 ของประเทศ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จึงร่วมกับ หจก. ลักกี้ซีดส์อโกร สนับสนุนให้นักวิจัยศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สวทช. ทำการพัฒนาพันธุ์ปทุมมา เพิ่มความหลากหลายของสายพันธุ์ และความทนทานต่อโรค เพื่อให้ได้สายพันธุ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด ทั้งตลาดดอกไม้สด ไม้กระถาง รวมถึงการทำแปลงไม้ดอกเพื่อจัดการท่องเที่ยว ปัจจุบันได้มีการขึ้นทะเบียนพันธุ์ใหม่และมีการนำไปใช้ประโยชน์แล้วรวม 19 พันธุ์ นอกจากการปรับปรุงพันธุ์เพื่อยกระดับมูลค่าทางเศรษฐกิจ ทั้ง 2 หน่วยงานยังได้ร่วมกันสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเทคนิคการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อสำหรับขยายต้นพันธุ์ปลอดโรคที่ได้มาตรฐาน และสนับสนุนการนำองค์ความรู้เรื่องพันธุ์ใหม่และเทคนิคในการเพาะปลูกไปถ่ายทอดให้แก่เกษตรกร เพื่อเป็นช่องทางสร้างรายได้เสริมในช่วงฤดูฝนไปจนถึงฤดูหนาวอีกด้วย ตัวอย่างพันธุ์เด่นที่ได้จากการพัฒนา คือ ปทุมมาพันธุ์ “ห้วยสำราญ” ที่สถาบันการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร (สท.) ได้นำองค์ความรู้และเทคนิคการเพาะปลูกไปถ่ายทอดให้แก่เกษตรกรชุมชนกลุ่มแปลงใหญ่ไม้ดอกไม้ประดับห้วยสำราญ-ห้วยเจริญ จ.อุดรธานี เพื่อร่วมพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร เกิดเป็นแหล่งสร้างรายได้เสริมใหม่ให้แก่คนในชุมชนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รายละเอียดเพิ่มเติม การรวบรวมและปรับปรุงพันธุ์ปทุมมาและกระเจียวพันธุ์ใหม่
คนสตูลเจ๋ง!! ต่อยอดความหลากหลาย ร่วมกันสร้างรายได้แบบยั่งยืน

อุทยานธรณีโลกสตูล มีพื้นที่ครอบคลุม 4 อำเภอ ได้แก่ ทุ่งหว้า มะนัง ละงู และส่วนเกาะของอำเภอเมือง โดยอุทยานแห่งนี้มีความสำคัญในระดับนานาชาติ เพราะมีการค้นพบฟอสซิลสัตว์ทะเลมหายุคพาลีโซอิกที่เก่าแก่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (542-251 ล้านปีก่อน) และในพื้นที่อุทยานยังมีการบริหารจัดการด้านการอนุรักษ์ การถ่ายทอดความรู้ และการพัฒนาด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์อย่างยั่งยืนตามแนวทาง SDGs โดยความร่วมมือของคนในชุมชนและหน่วยงานต่างๆ ส่งผลให้ในปี 2561 ยูเนสโกได้ให้การรับรองอุทยานแห่งนี้เป็นหนึ่งในสมาชิกอุทยานธรณีโลก สวทช. จึงได้ร่วมกับ ม.สงขลานครินทร์ ม.ราชภัฏสงขลา และวิทยาลัยชุมชนสตูล จัดเก็บข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพที่พบในอุทยานธรณีโลกสตูลลงแพลตฟอร์มนวนุรักษ์ (Navanurak) เพื่อสนับสนุนการศึกษาและอนุรักษ์อย่างยั่งยืน ซึ่งคนท้องถิ่นสามารถใช้นวนุรักษ์เป็นเครื่องมือในการจัดการท่องเที่ยวเพื่อสร้างรายได้เสริมได้อีกด้วย ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่แผ่นพับ Satun Global Geopark : อุทยานธรณีโลกสตูล (คลิกเพื่อดาวน์โหลด)
ฟิล์มปิดหน้าถาดจากเม็ดพลาสติกชีวภาพที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ

ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับมูลนิธิโครงการหลวง และบริษัททานตะวันอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) พัฒนาฟิล์มปิดหน้าถาดจากเม็ดพลาสติกชีวภาพที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ โดยผลงานนี้โดดเด่นใน 3 ด้านหลัก คือ ฟิล์มบางใส ต้านทานการเกิดฝ้า ช่วยยืดอายุสินค้าผักสลัดให้คงสภาพสดใหม่ในชั้นวางจำหน่ายจากเดิม 3 วัน เป็น 5 วัน มูลนิธิโครงการหลวงได้นำร่องใช้ฟิล์มกับบรรจุภัณฑ์ ‘เมนูผักสลัดพร้อมทาน’ สำหรับจำหน่ายในร้านโครงการหลวงแล้ว ผลงานการวิจัยนี้ตอบโจทย์โมเดลเศรษฐกิจ BCG ทั้งด้านการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าการเกษตร ทั้งในด้านการสร้างมูลค่าเพิ่ม ลดการสร้างของเสีย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ความสำเร็จของโครงการวิจัยนี้จะช่วยเพิ่มความสามารถในการผลิตให้แก่อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ พร้อมตอบโจทย์ความต้องการของตลาด นำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งนี้การวิจัยและพัฒนานี้ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) รายละเอียดเพิ่มเติม: เอ็มเทค สวทช. เปิดตัว ‘ฟิล์มปิดหน้าถาดจากเม็ดพลาสติกชีวภาพที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ’ ‘มูลนิธิโครงการหลวง’ นำร่องใช้จริงบรรจุเมนูผักสลัดพร้อมทาน ผู้บริโภคได้ 2 ต่อ ‘กินผักสดดีต่อสุขภาพ-หนุนบรรจุภัณฑ์เป็นมิตรต่อโลก’
ต้นแบบ EV Bus จากรถเมล์ปลดระวางแล้ว – ลดต้นทุน ลดนำเข้า สร้างอาชีพ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ทีมวิจัย สวทช. และภาคีเครือข่ายพัฒนาอุตสาหกรรมรถโดยสารไฟฟ้าไทย ส่งมอบต้นแบบรถโดยสารไฟฟ้า (EV Bus) ที่ดัดแปลงจากรถเมล์ ขสมก. อายุกว่า 20 ปีที่ปลดระวางแล้วแก่ กฟผ. กฟน. กฟภ. และ ขสมก. เพื่อนำไปทดลองใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพ มุ่งสู่การออกแบบและพัฒนารถโดยสารไฟฟ้าสาธารณะสำหรับการใช้งานระยะยาวต่อไป โดยนอกจาก EV Bus ที่พัฒนาขึ้นนี้จะนำรถที่ปลดระวางแล้วมาใช้เพื่อเป็นการ Upcycling ผู้พัฒนายังใช้วัสดุที่ผลิตในประเทศเพื่อการดัดแปลงรถมากถึง 40-60% ส่งผลให้สามารถลดต้นทุนในการนำเข้ารถบัสได้มากถึง 30% และสามารถทำราคาจำหน่ายได้ต่ำสุด 7 ล้านบาท/คัน ในการนี้ สวทช. ได้ร่วมวิจัยและพัฒนา 5 ด้าน คือ 1) สนับสนุนการให้คำปรึกษาในการออกแบบรถ 2) ออกแบบและติดตั้งต้นแบบสถานีอัดประจุแบบ Fast charge 3) ทดสอบและประเมินประสิทธิภาพรถเพื่อความมั่นใจในความปลอดภัย 4) พัฒนาสนามทดสอบน้ำท่วมขังร่วมกับ มจพ. ปราจีนบุรี 5) ร่วมกับ SIIT (มธ.) ศึกษาความคุ้มค่าในการใช้รถเมล์เก่ามาดัดแปลงเป็นรถไฟฟ้า ทั้งนี้บริษัทเอกชนที่ร่วมพัฒนารถโดยสารไฟฟ้ามี 4 […]
สวทช. ชวนเยาวชนร่วมประกวดคลิป “BCG Happy Story: เรื่องนี้ดีต่อใจ” ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 300,000 บาท

สวทช. ชวนเยาวชนร่วมประกวดคลิป “BCG Happy Story: เรื่องนี้ดีต่อใจ” ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 300,000 บาท สมัครได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 10 ก.ค. 2565 โครงการ “BCG Happy Story: เรื่องนี้ดีต่อใจ” เปิดรับสมัครนักเรียน นิสิต นักศึกษา ในระดับมัธยมศึกษาถึงปริญญาตรีหรือเทียบเท่า ที่มีความรู้ความสามารถในการผลิตสื่อมาร่วมสร้างสรรค์คลิปวิดีโอสำหรับสื่อสารประเด็นเกี่ยวกับโมเดลเศรษฐกิจ BCG ในรูปแบบที่สร้างสรรค์ เข้าใจง่าย และน่าสนใจ โดยไม่จำกัดเนื้อหาและเทคนิคในการผลิตสื่อ เพื่อใช้เผยแพร่สร้างการรับรู้เกี่ยวกับโมเดลเศรษฐกิจ BCG แก่เยาวชน คนรุ่นใหม่ และประชาชนทั่วไป นักเรียน นิสิต และนักศึกษาที่สนใจ สามารถสมัครเข้าร่วมโครงการพร้อมส่งแนวคิดเนื้อหาและรูปแบบของสื่อที่จะนำเสนอได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 10 ก.ค. 2565 ในรอบแรกคณะกรรมการจะคัดเลือกทีมที่มีข้อเสนอน่าสนใจมากที่สุด 20 ทีม เพื่อสนับสนุนเงินทุนจำนวน 10,000 บาท สำหรับผลิตสื่อจริงเพื่อใช้แข่งขันในรอบชิงชนะเลิศซึ่งจะจัดขึ้นภายในเดือนสิงหาคม โดยจะมีคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญด้านโมเดลเศรษฐกิจ BCG และการผลิตสื่อสมัยใหม่ของประเทศเป็นผู้ตัดสินผลการแข่งขัน ทีมที่ได้รับรางวัลชนะเลิศจะได้รับเงินรางวัลมูลค่า 50,000 บาท พร้อมโล่รางวัล นอกจากนี้ยังมีรางวัลอันดับรองลงมาอีก […]
ชุดตรวจโรคใบด่างมันสำปะหลัง ตรวจเองได้ รู้ผลไว ใน 15 นาที

โรคใบด่างมันสำปะหลัง เป็นโรคระบาดร้ายแรงที่สร้างความเสียหายให้แก่อุตสาหกรรมมันสำปะหลังอย่างมหาศาล นักวิจัยศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จึงได้พัฒนา “ชุดตรวจโรคใบด่างมันสำปะหลังแบบ Strip Test (แถบตรวจ)” ที่ตรวจสอบการติดโรคได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น เพื่อช่วยเกษตรกรผู้ผลิตท่อนพันธุ์และผู้ปลูกมันสำปะหลังในการยับยั้งการระบาดอย่างทันท่วงที โรคใบด่างมันสำปะหลังเป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อ Sri Lankan cassava mosaic virus หรือไวรัส SLCMV ที่มีแมลงหวี่ขาวเป็นพาหะ และการปลูกท่อนพันธุ์ติดเชื้อ เนื่องจากเกษตรกรผู้เพาะปลูกมันสำปะหลังไม่สามารถสังเกตอาการบ่งชี้ว่าจะติดโรคได้จากลักษณะของท่อนพันธุ์ อาการของต้นที่ติดโรคคือใบด่างและหงิกเสียรูปทรง ลำต้นแคระแกร็น และหัวมันขนาดเล็กกว่าปกติ ในกรณีที่มีการระบาดรุนแรงอาจสร้างความเสียหายแก่ผลผลิตมาก 80-100% ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมมันสำปะหลังเป็นวงกว้างตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ การใช้งานชุดตรวจโรคใบด่างมันสำปะหลังแบบ Strip Test เพื่อตรวจโรคทำได้ง่ายๆ ใน 5 ขั้นตอน 1) เด็ดใบพืชและบีบสารละลายใส่ถุง 2) บดใบพืชจนละเอียด 3) ดูดน้ำคั้นใส่หลอดทดลอง 4) จุ่มแถบตรวจลงในน้ำคั้น 5) อ่านผลได้ด้วยตาเปล่าภายใน 15 นาที (การอ่านผลเหมือนกับชุดตรวจ ATK สำหรับตรวจโรคโควิด-19) […]
เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่ออินทผลัมพันธุ์บาฮี ตรงตามพันธุ์ ขยายพันธุ์เร็ว มูลค่าสูง

‘อินทผลัม’ เป็นไม้ยืนต้นตระกูลปาล์ม ผลมีเนื้อสีเหลือง รสชาติหวานและฉ่ำน้ำ รับประทานได้ทั้งแบบผลสดและแปรรูป หนึ่งในพันธุ์ของอินทผลัมที่เป็นที่จับตาในปัจจุบัน คือ ‘พันธุ์บาฮี’ เพราะสายพันธุ์นี้สามารถปลูกได้ดีในไทย ให้ผลผลิตสูง อีกทั้งผลผลิตยังเป็นที่ต้องการของทั้งตลาดไทยและต่างประเทศ ทำให้ปัจจุบันอินทผลัมพันธุ์บาฮีขึ้นแท่นเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่มาแรง ในการนี้เพื่อยกระดับและหนุนเสริมให้อุตสาหกรรมการเกษตรไทยเติบโตอย่างมั่นคง นักวิจัยศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จึงร่วมกับบริษัทพี โซลูชัน จำกัด วิจัยและพัฒนาเทคนิคการขยายพันธุ์อินทผลัมพันธุ์บาฮีในรูปแบบเชิงการค้า โดยใช้เทคโนโลยีเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อและต่อยอดการขยายผลด้วยระบบไบโอรีแอกเตอร์จนสำเร็จเป็นครั้งแรกในไทย ได้เป็นเทคนิคการปลูกที่สามารถขยายต้นพันธุ์ได้ตรงตามพันธุ์ รวดเร็ว ประหยัดต้นทุนและแรงงาน ช่วยลดการนำเข้าต้นพันธุ์ได้เป็นอย่างดี เหมาะแก่การเป็นทางเลือกใหม่ให้เกษตรกรเพาะปลูกเพื่อสร้างรายได้เสริม รายละเอียดเพิ่มเติม ความสำเร็จในการขยายผลการผลิตต้นกล้าอินทผลัมในเชิงพาณิชย์ด้วยเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อสู่เกษตรกรไทย
“WiMarc” เทคโนโลยีไร้สายเพื่อติดตามสภาพแวดล้อมในพื้นที่เพาะปลูก

“WiMaRC” หรือ “ไวมาก” คือ เทคโนโลยีไร้สายเพื่อติดตามสภาพแวดล้อมที่ส่งผลต่อการทำการเกษตรในพื้นที่เพาะปลูกแบบเรียลไทม์ เพื่อให้เกษตรกรสามารถตรวจสอบข้อมูล วางแผนการเพาะปลูก และสั่งการทำงานอุปกรณ์ IoT ในพื้นที่ให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมได้ง่ายๆ จากทุกที่ ทุกเวลา ผ่านเว็บแอปพลิเคชัน “WiMaRC” ติดตามสภาพแวดล้อมในพื้นที่เพาะปลูกด้วย 8 เซนเซอร์ สำหรับตรวจวัดความเข้มแสง ความชื้นอากาศ อุณหภูมิอากาศ ทิศทางลม ความเร็วลม ปริมาณน้ำ ฝน ความชื้นดิน และอุณหภูมิดิน ทำงานควบคู่กับ Webcam ที่ทำหน้าที่เก็บภาพเปรียบเทียบการเจริญเติบโตสำหรับใช้วิเคราะห์และบริหารจัดการแปลง เทคโนโลยีนี้มีจุดเด่นในเรื่องความสะดวกสบายในการใช้งาน ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบสภาพแวดล้อมของพื้นที่เพาะปลูกได้จากทุกที่ ทุกเวลา ผ่านเว็บแอปพลิเคชัน ควบคุมและสั่งการอุปกรณ์ IoT ได้จากทางไกล สามารถนำฐานข้อมูลมาพัฒนาและวางแผนการทำเกษตรแม่นยำ และประยุกต์ใช้งานได้กับหลายพื้นที่ ปัจจุบันทีมวิจัยพร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีให้แก่ผู้ที่สนใจแล้ว วิจัยและพัฒนาโดย ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) รายละเอียดเพิ่มเติม : “ไวมาก” ระบบตรวจวัดสภาวะแวดล้อมด้วยเทคโนโลยี IoT