บ่อพันขัน กับการท่องเที่ยวบนฐานภูมิปัญญาและวิทยาศาสตร์ ตอนที่ 3

share to:

Facebook
Twitter
เรื่องโดย ภก. ดร.วีระพงษ์ ประสงค์จีน  ปฏิวัติ อ่อนพุทธา
สายฝน แก้วสมบัติ  และจิรพร อัฐมาลา

 

เราได้สัมผัสกลิ่นอายประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมจากการเดินทางท่องเที่ยวตามเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ โบราณคดี และวัฒนธรรม (Cultural Heritage Tourism) ในบ่อพันขันกันไปแล้ว แต่การเดินทางยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะที่บ่อพันขันยังมีเรื่องราวน่าสนใจอีกมากมายรอให้เราไปสำรวจ

Green Tourism “บึงแห่งชีวิต รักษ์โลกผ่านสายลมและสายน้ำ”

เส้นทางท่องเที่ยวเชิงนิเวศนี้จะพาไปสัมผัสความงดงามของธรรมชาติที่บ่อพันขัน ด้วยมุมมองของความยั่งยืนและการอยู่ร่วมกันกับสิ่งแวดล้อม ผ่านบึงน้ำธรรมชาติที่ยังคงความสมบูรณ์ของระบบนิเวศ ทั้งพืชน้ำ ปลา และนกท้องถิ่น เส้นทางนี้เชื่อมโยงความรู้เรื่องสิ่งแวดล้อมกับวิถีชีวิตชาวบ้านที่พึ่งพาธรรมชาติอย่างพอเพียง ไม่เพียงแค่ชมความงามของธรรมชาติ แต่ยังได้เรียนรู้การใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า ปลูกจิตสำนึก “รักษ์โลก” ผ่านทุกย่างก้าวของการเดินทาง

จุดท่องเที่ยวสำคัญ

แหล่งเรียนรู้บึงพันขัน บึงพันขันไม่ใช่บึงธรรมชาติขนาดใหญ่มาแต่เดิม แต่พัฒนาขึ้นจากการจัดการทรัพยากรน้ำของชุมชน โดยมีจุดเริ่มต้นจาก “บ่อพันขัน” ที่ดั้งเดิมเป็นบ่อน้ำผุดเล็ก ๆ บนลานหิน ต่อมาในปี พ.ศ. 2524 มีการสร้างฝายน้ำกั้นคลองปลาคล้าวทำให้น้ำท่วมลานหินทั้งหมด จึงกลายเป็น “บึงพันขัน” หรืออ่างเก็บน้ำในปัจจุบัน เป็นการปิดฉากตำนานการทำเกลือของชุมชนอย่างถาวร

แม้จะมีการฟื้นฟูบ่อพันขันในปี พ.ศ. 2547 โดยการทำเขื่อนดินกั้นบ่อออกมาจากอ่างเก็บน้ำ แต่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิประเทศนี้ได้ส่งผลให้โครงสร้างทางสังคมและวัฒนธรรมเปลี่ยนไป อย่างไรก็ตามด้วยความสำคัญทางประวัติศาสตร์และจิตวิญญาณของชุมชน ได้มีการก่อสร้างวัดเกาะบ่อพันขันรัตนโสภณขึ้นเพื่อเป็นศูนย์รวมศรัทธาและมรดกทางวัฒนธรรม โดยมีพระสงฆ์และชาวบ้านร่วมกันอนุรักษ์พื้นที่แห่งนี้ให้คงอยู่ เพื่อให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาเรียนรู้ถึงวัฒนธรรมและวิถีชีวิตที่เคยรุ่งเรือง ณ ดินแดนกลางทุ่งกุลาร้องไห้

นอกจากบทบาทสำคัญในการเป็นอ่างเก็บน้ำที่ใช้เพื่อการอุปโภคบริโภคและประโยชน์ทางการเกษตรแล้ว บึงพันขันยังเป็นแหล่งทำประมงน้ำจืดที่สำคัญของชุมชน สร้างอาชีพและรายได้ให้แก่ชาวบ้าน ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นแหล่งเรียนรู้ระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ โดยมีป่าชุ่มน้ำเป็นแหล่งอาศัยของพืชหายาก มีจุดชมบัวแดงและบัวหลวงที่สวยงาม มีโซนชมนกน้ำและสัตว์ป่าหายาก โดยเฉพาะนกกระเรียนพันธุ์ไทยและสัตว์น้ำหลากหลายชนิดมาอาศัยอยู่ ทำให้บึงพันขันกลายเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ รวมถึงการเป็นแหล่งเรียนรู้เชิงอนุรักษ์สำหรับคนทุกวัย สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของชุมชนในการปรับตัวและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน


ฟาร์มเกษตรอินทรีย์ชุมชน พื้นที่เรียนรู้วิธีการเพาะปลูกแบบไม่ใช้สารเคมี ปัจจุบันพื้นที่โดยรอบบึงพันขัน โดยเฉพาะในบ้านหญ้าหน่อง ตำบลจำปาขัน อำเภอสุวรรณภูมิ พัฒนาเป็นแหล่งเรียนรู้ที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตและภูมิปัญญาของชุมชนอย่างยั่งยืน ชุมชนได้ร่วมกันดูแลพื้นที่สาธารณประโยชน์ใกล้บึงพันขัน โดยจัดสรรเป็นพื้นที่ปลูกพืชผักสวนครัวและจัดตั้งฟาร์มเกษตรอินทรีย์ ซึ่งไม่เพียงเป็นแหล่งผลิตอาหารปลอดภัยสำหรับคนในท้องถิ่น แต่ยังเป็นแหล่งเรียนรู้ให้ทั้งชุมชนและนักท่องเที่ยวได้เข้ามาศึกษาหลักการเกษตรอินทรีย์อย่างแท้จริง นอกจากนี้ชุมชนยังได้น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตและการทำเกษตรแบบพึ่งพาตนเอง เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสามารถของชุมชนในการปรับตัว พัฒนา และใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและส่งเสริมวิถีเกษตรที่ยั่งยืน

ลานจามจุรี เป็นลานกิจกรรมของชุมริมบึงพันขัน มีต้นจามจุรีที่ให้ร่มเงาและหลบร้อน เหมาะสำหรับเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ มีชิงช้าและศาลาริมน้ำเป็นจุดเด่นของพื้นที่

จุดชมวิวโนนคอคีบและสะพานมิตรภาพบ่อพันขัน คอคีบคือส่วนที่แคบที่สุดของบึงพันขัน กว้างประมาณ 80 เมตร ซึ่งมีสะพานคอนกรีตที่เป็นสัญลักษณ์แหงมิตรภาพของชุมชนสองฝั่ง ระหว่างอำเภอหนองฮีกับอำเภอสุวรรณภูมิ ที่ฝั่งสุวรรณภูมิจะมีหอคอยไม้สูงสามชั้น หลังคามุงด้วยใบหญ้าคาที่ชาวบ้านร่วมใจกันสร้างขึ้นเพื่อเป็นจุดชมวิว ไฮไลต์สำคัญที่พลาดไม่ได้ของจุดนี้คือ กิจกรรมชมดวงอาทิตย์ตกดินที่บึงพันขัน

จุดศึกษาระบบนิเวศฝายน้ำล้นท่าวังแซว อยู่บริเวณเป็นแห่งเรียนรู้และทำประมง รวมทั้งการพักผ่อนของคนใจชุมชน เนื่องจากบรรยากาศอันร่มรื่น

ทุ่งบัวและพืชน้ำ เป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของบึงพันขัน สะท้อนให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่

หลังจากเยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวสำคัญตามที่แนะนำแล้ว ยังมีกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้และการอนุรักษ์ให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมทำ ได้แก่ ล่องเรือพายศึกษาระบบนิเวศ ปลูกต้นไม้เพื่อฟื้นฟูป่าบึง และสังเกตพฤติกรรมของนกน้ำและสัตว์ป่าหายาก

Wellness Tourism “บ่อพันขันแห่งการสร้างสุข บำบัด เยียวยาร่างกายและจิตใจ”

ความงดงามของธรรมชาติและความเงียบสงบรอบบึงพันขันเป็นแหล่งพลังงานที่ช่วยฟื้นฟูร่างกายและจิตใจให้กลับคืนสู่ความสมดุล เส้นทางนี้เชิญชวนให้นักท่องเที่ยวได้หยุดพักจากความวุ่นวาย แล้วหันกลับมาดูแลตัวเอง ผ่านกิจกรรมผ่อนคลายท่ามกลางธรรมชาติอย่างเรียบง่ายและเป็นกันเอง ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับสมุนไพรพื้นบ้าน หรือการลิ้มรสอาหารสุขภาพรสชาติท้องถิ่น


จุดท่องเที่ยวสำคัญ

บึงพันขันและบ้านหญ้าหน่อง บึงพันขันไม่ได้เป็นเพียงอ่างเก็บน้ำที่บอกเล่าประวัติศาสตร์อันยาวนานของทุ่งกุลาร้องไห้และตำนานการทำเกลือเท่านั้น แต่ยังเป็นจุดหมายปลายทางที่สมบูรณ์แบบสำหรับการฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ การเดินทางเพื่อสุขภาพตามเส้นทางนี้จุดแรกอยู่ที่สวนสมุนไพร ที่นอกจากได้รู้จักสมุนไพรต่าง ๆ แล้ว ยังจะได้เรียนรู้วิธีการนำมาใช้บำบัดตามหลักแพทย์แผนไทย

จากนั้นไปผ่อนคลายกันต่อกับธรรมชาติริมบึง ด้วยการแช่เท้าในน้ำสมุนไพร พร้อมเพลิดเพลินกับการนวดแผนไทยท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบของบึงน้ำอันกว้างใหญ่ ต่อด้วยการเติมพลังให้ร่างกายด้วยอาหารอร่อยและดีต่อสุขภาพจากโซนอาหารสุขภาพริมบึง ที่คัดสรรวัตถุดิบออร์แกนิกในท้องถิ่นมาปรุงอย่างพิถีพิถัน และปิดท้ายด้วยการเยียวยาจิตใจบนเส้นทางเดินป่าเพื่อสมาธิ ที่นักท่องเที่ยวจะได้เดินอย่างช้า ๆ ซึมซับความงามของธรรมชาติรอบบึง พร้อมฝึกการหายใจเพื่อสร้างความสงบภายใน

นอกจากนี้บึงพันขันยังมอบประสบการณ์ที่อบอุ่นเป็นกันเองผ่าน โฮมสเตย์ ที่พักสะอาด สะดวกสบาย พร้อมการต้อนรับด้วยจิตใจโอบอ้อมอารีของชาวบ้าน ไม่ว่าจะเป็นผู้นำชุมชน เด็ก ๆ ชาวบ้านทั่วไป หรือแม้แต่ผู้สูงอายุที่พร้อมถ่ายทอดประสบการณ์ในอดีตและเรื่องเล่าอันทรงคุณค่าให้ฟัง

กิจกรรมแนะนำในเส้นทางท่องเที่ยวสายสุขภาพนี้ ได้แก่ โยคะยามเช้าและยามเย็นที่ริมบึงพันขัน นวดเพื่อสุขภาพ สปาเกลือและสมุนไพร Forest Bathing (อาบป่า) เพื่อผ่อนคลายจิตใจ เรียนรู้ศาสตร์อายุรเวทจากชาวบ้าน ปั่นจักรยานออกกำลังกายริมบึง สร้างสรรค์งานศิลปะเพื่อความผ่อนคลายและค้นพบตัวเอง

Educational Tourism “สำรวจ ค้นพบ เรียนรู้ วิทยาศาสตร์รอบตัวที่บึงพันขัน”

เส้นทางการท่องเที่ยวเชิงการศึกษาที่บึงพันขันจะนำนักท่องเที่ยวก้าวเข้าสู่โลกของวิทยาศาสตร์และธรรมชาติอย่างใกล้ชิด ผ่านการเรียนรู้แบบลงมือทำ ตั้งแต่การเรียนรู้ระบบนิเวศและวงจรชีวิตของสิ่งมีชีวิตในบึง การสำรวจชั้นหินและธรณีวิทยาที่บอกเล่าเรื่องราวในอดีตจนถึงปัจจุบัน ไปจนถึงเทคนิคเกษตรกรรมยั่งยืนและพลังงานทดแทน ซึ่งช่วยเปิดมุมมองใหม่ในการเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติอย่างลึกซึ้งและเป็นรูปธรรม

จุดท่องเที่ยวสำคัญ

บึงพันขัน แหล่งเรียนรู้ที่เหมาะสำหรับให้เด็ก เยาวชน และครอบครัวที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์ใกล้ชิดกับธรรมชาติและธรณีวิทยา นักท่องเที่ยวจะได้เรียนรู้เรื่องราวมากมาย เช่น ศูนย์เรียนรู้ระบบนิเวศบึงพันขันที่เปิดโอกาสให้ทดลองวิเคราะห์คุณภาพน้ำและศึกษาชีวิตของปลาและสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ในบึงอย่างลึกซึ้ง ถัดมาคือแหล่งธรณีวิทยาและชั้นหินโบราณที่เผยให้เห็นการก่อตัวของหินทรายแดงอันเป็นเอกลักษณ์ และวิวัฒนาการของภูมิประเทศทุ่งกุลาร้องไห้มานับพันปี

บริเวณนี้ยังคงเหลือร่องรอยของการต้มเกลือสินเธาว์โบราณ ซึ่งเป็นภูมิปัญญาและอาชีพหลักของชุมชนมาตั้งแต่ 2,500 ปีที่แล้ว บ่งบอกถึงความสำคัญทางเศรษฐกิจในอดีตที่บ่อพันขันเคยเป็นศูนย์กลางการค้าเกลือที่สำคัญ นอกจากนี้ยังมีสถานีทดลองเกษตรกรรมยั่งยืนให้เรียนรู้เทคนิคการทำเกษตรแบบผสมผสานที่สะท้อนถึงการพึ่งพาตนเองของชุมชน และศูนย์พลังงานทดแทนจากธรรมชาติที่ให้ทดลองผลิตพลังงานจากน้ำ แสงอาทิตย์ และลม

บึงพันขันจึงเป็นมากกว่าแหล่งท่องเที่ยว นับเป็นห้องเรียนธรรมชาติขนาดใหญ่ที่สร้างแรงบันดาลใจและส่งเสริมความรู้ความเข้าใจด้านสิ่งแวดล้อม วิทยาศาสตร์ และภูมิปัญญาท้องถิ่นได้อย่างครบวงจร โดยนักท่องเที่ยวเลือกทำกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ที่มีอยู่หลากหลายได้ตามความชอบ ทั้งการเรียนรู้ระบบชั้นบรรยากาศที่ปกคลุมพื้นที่บ่อพันขัน การเรียนรู้ระบบน้ำทั้งน้ำบนผิวดินและน้ำใต้ดิน การเรียนรู้ระบบชั้นเปลือกโลก หิน ดิน ทราย และการเรียนรู้ระบบสิ่งมีชีวิต จุลินทรีย์ พืช และสัตว์ นอกจากนี้ยังมีการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ผ่านการลงมือทำด้วยตัวเอง เช่น รู้จักกับเครื่องมือการระบุสถานที่บนเปลือกโลก ทดลองวัดค่า pH ของน้ำในบึงพันขัน ใช้กล้องจุลทรรศน์ศึกษาสิ่งมีชีวิตบนบกและในน้ำ สำรวจชั้นดินทางวัฒนธรรม สิ่งของเครื่องใช้ แร่ธาตุ และวัสดุศาสตร์ที่ใช้ศึกษาทางวิทยาศาสตร์โบราณคดี

หลังจากที่ท่องเที่ยวในพื้นที่บ่อพันขันจนครบทุกจุดแล้ว เชื่อว่าคงจะเห็นภาพความงดงามและความสำคัญของสถานที่แห่งนี้กันได้ชัดเจนขึ้นว่า บ่อพันขันคือแหล่งท่องเที่ยวและเรียนรู้ที่เชื่อมโยงคุณค่าด้านวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ธรรมชาติ และสุขภาวะได้อย่างลงตัว เป็นตัวอย่างของห้องเรียนธรรมชาติขนาดใหญ่ที่สร้างแรงบันดาลใจ และตอบโจทย์การพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม

 

ที่มาภาพ/ข้อมูล : https://www.nstda.or.th/sci2pub/bo-phan-khan-3/