เกษตรไทยต้องแข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเผชิญสงครามหรือสันติภาพ ในภาวะโลกร้อนโลกรวน

share to:

Facebook
Twitter

ประเทศไทยเป็นแชมป์โลกในการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เป็นอันดับหนึ่งของโลกติดต่อกันกว่า 40 ปี มีวัตถุดิบเป็นของตัวเอง แต่ทำไม?เกษตรกรยังยากจนและราคาผันผวนตลอดเวลา ถึงเวลาที่เราต้องสร้างความแข็งแกร่ง ไม่ว่าในยามที่มีสงครามหรือสันติภาพ เราต้องยืนบนขาของตัวเองให้ได้ ในภาวะโลกร้อนและโลกรวน

การสัมมนาจัดโดย สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอ (TDRI) ร่วมกับ สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ ที่โรงแรมแกรนด์ริชมอนด์ นนทบุรี เมื่อเร็วๆ นี้ เพื่อระดมความคิดเห็นประเด็นสถานการณ์ปัจจุบันและอนาคตของมันสำปะหลังและข้าวโพด มีภาคส่วนต่างๆเข้าร่วม ได้แก่ ตัวแทนเกษตรกร สมาคมการค้ามันสำปะหลังและข้าวโพด ตัวแทนอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง และผู้ทรงคุณวุฒิ รวมทั้งตัวแทนพรรคการเมือง

ประเทศไทย เป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารอันดับ 12 ของโลก มีศักยภาพสูงมากสำหรับพืชไร่เศรษฐกิจ เช่น มันสำปะหลัง สามารถผลิตได้เป็นอันดับสามของโลก ปีละ 30 ล้านตัน จากพื้นที่เพาะปลูกประมาณ 10 ล้านไร่ ในกว่า 54 จังหวัด และเป็นประเทศแชมป์โลกในการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เป็นอันดับหนึ่งของโลกติดต่อกันกว่า 40 ปี ซึ่งเป็นจุดแข็งของประเทศ ที่มีวัตถุดิบเป็นของตัวเอง แต่เกษตรกรยังยากจนและราคาผันผวนตลอดเวลา

ส่วนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มีพื้นที่เพาะปลูกประมาณ 7 ล้านไร่ มีผลผลิต 4–5 ล้านตันต่อปี แต่มีความต้องการในประเทศ 8.1–8.9 ล้านตัน จึงต้องนำเข้าจากเพื่อนบ้าน ภายใต้ AFTA 1–2 ล้านตัน ส่วนใหญ่นำเข้าจากเมียนมา 93% และประเทศอื่นๆ แสดงว่ายังมีตลาดในประเทศที่มีความต้องการสูงมากปีละ 3-4 ล้านต้น หากพัฒนาผลิตภาพการผลิตด้วยพันธุ์ที่ดี ใช้เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรมสมาร์ทฟาร์มมิ่ง (Smart Farming) ที่ได้วางรากฐานไว้ เช่น เกษตรอาหาร เกษตรพลังงาน เกษตรสุขภาพ และเกษตรท่องเที่ยว จะสามารถเพิ่มปริมาณการผลิตทดแทนการนำเข้าได้อีกมาก

ในอดีตพรรคประชาธิปัตย์ มีแนวทางยุทธศาสตร์การค้าและการลงทุนของมันสำปะหลังและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เวอร์ชั่นใหม่ นั่นคือ การพัฒนาอุตสาหกรรมชีวภาพ (BioIndustry) และ เศรษฐกิจชีวภาพ (BioEconomy) โดยการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษไบโอรีไฟนารี่ (BioRefinary) สำหรับพืชไร่ เศรษฐกิจในกลุ่มจังหวัดที่เป็นแหล่งผลิตหลัก เช่น กลุ่มจังหวัดนครชัยบุรินทร์ ซึ่งประกอบไปด้วยนครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์และสุรินทร์ โดยนำวัตถุดิบมาเพิ่มมูลค่าแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ ได้แก่ อาหารคน อาหารสัตว์ อาหารเสริม ผงชูรส น้ำตาลเทียม เชื้อเพลิงชีวภาพ (BioFuel) ผลิตภัณฑ์ยา กระดาษ ไบโอพลาสติก ไบโอฟิล์ม ฯลฯ

 

ที่มาภาพ/ข้อมูล อ่านบทความทั้งหมดได้ที่ : https://www.salika.co/2025/07/27/strength-of-thai-agriculture/