Search
Close this search box.

นายกฯ หารือประธานสภาประชาชนแห่งชาติสาธารณรัฐประชาชนจีน ย้ำความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น

share to:

Facebook
Twitter

นายกฯ หารือประธานสภาประชาชนแห่งชาติสาธารณรัฐประชาชนจีน ย้ำความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น ร่วมเดินหน้าความสัมพันธ์หุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านระหว่างไทย-จีน

เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2566 เวลา 16.30 น. (ตามเวลาท้องถิ่น ณ กรุงปักกิ่ง) ณ Reception Hall มหาศาลาประชาชน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หารือกับนายจ้าว เล่อจี้ ประธานสภาประชาชนแห่งชาติสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยภายหลังเสร็จสิ้น นายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญ ดังนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความยินดีในโอกาสครบรอบ 74 ปี การสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2566 รวมถึงความสำเร็จของการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน Asian Games ครั้งที่ 19 ณ นครหางโจว โดยยังได้กล่าวแสดงความเสียใจอย่างยิ่งที่มีนักท่องเที่ยวจีนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุการณ์ความรุนแรงที่ห้างสรรพสินค้าในไทย ย้ำรัฐบาลไทยและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องดำเนินมาตรการเยียวยาแก่ผู้ได้รับผลกระทบ และจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำผิด พร้อมกับได้เพิ่มความเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวทุกคนอย่างดีที่สุด

ด้านประธานสภาประชาชนแห่งชาติสาธารณรัฐประชาชนจีนกล่าวว่า จีนให้ความสำคัญกับการเยือนของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ เพื่อเพิ่มพูนความร่วมมือทวิภาคีระหว่างกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ตลอดจนพร้อมร่วมมือกับไทยในกรอบพหุภาคี ทั้งกรอบอาเซียนและกรอบอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง โอกาสนี้ ประธานสภาฯ ฝากความระลึกถึงประธานรัฐสภาไทย ยืนยันจีนต้องการมีความร่วมมือกับไทยในระดับรัฐสภา และในทุกระดับ

โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือในประเด็นที่สนใจร่วมกัน ดังนี้
นายกรัฐมนตรีชื่นชมบทบาทรัฐบาลจีนและพรรคคอมมิวนิสต์จีนในการพัฒนาประเทศให้มีความเจริญก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจ และการขจัดความยากจน และยินดีที่ความสัมพันธ์หุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านระหว่างไทย-จีนก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายยินดีที่จีนเป็นทั้งคู่ค้าและนักลงทุนต่างชาติอันดับ 1 ของไทยในปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ยังมีศักยภาพพัฒนาได้อีกมาก โดยไทยมีศักยภาพและนโยบายที่เอื้ออำนวยต่อนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กล่าวเชิญชวนให้วิสาหกิจจีนเข้ามาใช้ประโยชน์จากสภาพแวดล้อมด้านการลงทุนของประเทศไทย และลงทุนในอุตสาหกรรมมุ่งเป้าของไทย อาทิ ยานยนต์ไฟฟ้า เซมิคอนดักเตอร์ และอุตสาหกรรม BCG

ไทยและจีนยินดีที่การไปมาหาสู่ระหว่างประชาชนสองประเทศได้กลับสู่ภาวะปกติแล้ว โดยนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการส่งเสริมการท่องเที่ยว รัฐบาลได้ประกาศมาตรการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับนักท่องเที่ยวจีนเป็นระยะเวลา 5 เดือน

โดยในด้านความสัมพันธ์ระหว่างรัฐสภาไทย และสภาประชาชนแห่งชาติจีนมีความใกล้ชิดมายาวนาน มีการแลกเปลี่ยนการเยือน และจัดกิจกรรมกระชับความสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอ นายกรัฐมนตรีจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีการแลกเปลี่ยนการเยือนในระดับประธานสภาฯ เพื่อกระชับความสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง