เมื่อวันที่10 พ.ย. 68 ที่ศูนย์ประชุมเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตตรัง ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะ ลงพื้นที่จังหวัดตรัง เพื่อรับฟังการบรรยายการบริหารจัดการน้ำ ปัญหาการเกษตรในพื้นที่ มอบโฉนดที่ดินทำกินและปัจจัยการผลิตให้แก่เกษตรกร รวมถึงเยี่ยมชมนิทรรศการเกษตรมูลค่าสูง ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เข้าพบปะผู้บริหาร และบุคลากรทางการศึกษา เยี่ยมชมนิทรรศการผลงานนักเรียน เยี่ยมชมศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมช (Fix It Center) และเยี่ยมชม การฝึกวิชาชีพระยะสั้น โดยมี นายทรงกลด สว่างวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชนในพื้นจำนวนมาก ให้การต้อนรับ
การลงพื้นที่ตรวจราชการในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อรับฟังปัญหาและหาแนวทางแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรในพื้นที่ โดยเฉพาะปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตร รวมถึงการยกระดับคุณภาพสินค้าเกษตร การพัฒนาเครือข่ายชุมชน และการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในระดับฐานราก นอกจากนี้ ร้อยเอก ธรรมนัสฯ ยังได้รับฟังการสรุปแผนพัฒนาด้านชลประทานของจังหวัดตรัง เพื่อเตรียมมาตรการรองรับและจัดการปัญหาน้ำท่วมที่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่การเกษตรในช่วงฤดูฝน
ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า กล่าวว่า ความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นทั้งหมดโดยเฉพาะปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตร ทำให้ราษฎรในพื้นที่ไม่สามารถนำน้ำมาใช้เพื่อการเกษตรได้ ส่งผลให้เกิดความเสียหายของผลผลิตทางการเกษตร และสูญเสียโอกาสในการประกอบอาชีพ และขาดแคลนรายได้ ในเบื้องต้นผมจะได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัดตรัง ให้เร่งกำหนดมาตรการและดำเนินการ เพื่อบรรเทาปัญหาและความเดือดร้อนให้ประชาชนเป็นการเร่งด่วน และหลังจากนี้ ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะนำปัญหาความเดือดร้อนในทุกๆประเด็นของพี่น้อง เพื่อจะได้นำไปสู่การแก้ไขให้โดยเร็วที่สุด ตามที่ได้กำหนดภารกิจสำคัญของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เอาไว้แล้วที่จะมุ่งมั่นดูแลเกษตรกร และสถาบันเกษตรกรให้อยู่ดีมีสุข มีรายได้ที่มั่นคง เพื่อเสริมสร้างให้ภาคเกษตรไทยแข็งแกร่งมีศักยภาพในการแข่งขันเท่าเทียมหรือเหนือกว่าประเทศอื่นๆ
นอกจากการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว กระทรวงเกษตรฯ จะเร่งดำเนินการในด้านอื่นๆ ควบคู่กันไปจากนโยบายเดิมที่เคยกำหนดไว้จะทำต่อเนื่องรวม 6 ด้าน สำคัญ ดังนี้ 1) เร่งรัดการจัดที่ดินทำกินและสร้างควานมั่นคงด้านกรรมสิทธิ์ 2) บริหารจัดการน้ำทั้งระบบเชิงรุกเน้นการบริหารจัดการน้ำอย่างมีระบบ และต่อเนื่อง 3) ยกระดับสินค้าเกษตรและบริการมูลค่าสูง มุ่งเน้นการผลิตสินค้าเกษตรคุณภาพตามมาตรฐานสากลที่สอคคล้องกับความต้องการของตลาด 4) เสริมสร้างศักยภาพเกษตรกร และสถาบันเกษตรกรให้เข้มแข็งสนับสนุนการเป็นผู้ให้บริการทางการเกษตรครบวงจรพร้อมจัดหาสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อการจัดหาเครื่องจักรกลทางการเกษตร และอุปกรณ์ที่จำเป็น 5) จัดการทรัพยากรทางการเกษตรเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน (Go Green) ส่งเสริมการทำเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตามแนวทาง BCG และ Carbon Credit เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และ 6) ปราบปรามสินค้าเกษตรผิดกฎหมายอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะการนำเข้าสินค้าเกษตร และจะเร่งขับเคลื่อนนโยบายเร่งด่วน “3 สร้าง” สร้างรายได้ สร้างตลาด และสร้างโอกาส
ทั้งนี้ จังหวัดตรัง โดยภาคเกษตรถือว่ามีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของจังหวัดตรัง ซึ่งผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด หรือ GPP ในปี 2566 มีมูลค่า 70,830 ล้านบาท โดยเป็นมูลค่าในภาคการเกษตร 18,785 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 26.52 ของ GPP จังหวัด ซึ่งที่ผ่านมาจังหวัดตรัง ได้ให้ความสำคัญในการส่งเสริม และพัฒนาภาคการเกษตร ตลอดมา โดยได้กำหนดนโยบายที่สอดคล้อง และร่วมขับเคลื่อนนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อให้เกษตรกรมีความมั่นคงในอาชีพสามารถยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องเกษตรกรให้กินดี อยู่ดี เช่น การขับเคลื่อนโครงการพระราชดำริ โครงการเกษตรมูลค่าสูงโดยการส่งเสริมการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าอัตลักษณ์พื้นถิ่น หรือสินค้า GI เพื่อยกระดับรายได้ให้เกษตรกร ซึ่งจังหวัดตรัง มีสินค้าที่ได้ขึ้นทะเบียน GI แล้ว จำนวน 4 ชนิด คือ หมูย่างตรัง พริกไทยตรัง (พันธุ์ปะเหลียน) แตงโมเกาะสุกร และข้าวเบายอดม่วง











ที่มาภาพ/ข้อมูล : https://www.prd.go.th/th/content/category/detail/id/39/iid/440595


