กาญจนบุรี 18 ก.พ.- ธ.ก.ส. หนุนการท่องเที่ยวไทยสู่ Agro-Tourism ตั้งเป้าสร้างฐานชุมชนท่องเที่ยว ทั่วประเทศ 97 ชุมชน ขยายเครือข่ายท่องเที่ยวมากกว่า 290 ชุมชน สู่ตลาดโลก ชูชุมชนบ้านสามัคคีธรรม จังหวัดกาญจนบุรี ต้นแบบชุมชนท่องเที่ยว ธ.ก.ส.
นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เยี่ยมชมชุมชนบ้านสามัคคีธรรม ชุมชนท่องเที่ยว ธ.ก.ส. เปิดให้นักท่องเที่ยวที่สนใจเข้ามาเยี่ยมชมและสัมผัสการท่องเที่ยววิถีชุมชน สมาชิกได้รวมกลุ่มในการประกอบอาชีพเสริมเช่น การนำไม้ไผ่ มีมากในพื้นที่มาแปรรูปเป็นเฟอร์นิเจอร์ และนำวัสดุเหลือใช้จากเศษไม้ไผ่มาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ไม้ไผ่อัดภายใต้แบรนด์ V-WAN และการจักสานผลิตภัณฑ์จากไม้ไผ่ เช่น เฝือกไม้ไผ่ แก้วน้ำไม้ไผ่ และหลอดไม้ไผ่ รวมถึงการทำหน่อไม้ดองในน้ำเกลือ ได้หมักตามธรรมชาติและเก็บไว้ได้นานนับปี ถือเป็นของดีชุมชนบ้านสามัคคีธรรม นำวัตถุดิบในชุมชนมาสร้างมูลค่าเพิ่ม นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาชมกิจกรรมการเกษตรที่เกิดจากกลุ่มอาชีพต่าง ๆ และยังเข้าเยี่ยมชมอ่างเก็บบ้านน้ำสามัคคีธรรมอันสวยงาม จนได้รับการขนานนามว่า “ปางอุ๋งไทรโยค” บริการเดินเที่ยวหรือปั่นเรือชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามและเงียบสงบ
นายฉัตรชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ธ.ก.ส. สนับสนุนชุมชนท่องเที่ยวและเครือข่ายชุมชนท่องเที่ยว เพื่อยกระดับการท่องเที่ยวไทยไปสู่ Agro-Tourism โดยเข้าไปสนับสนุนชุมชนในหลายมิติผ่านโครงการ D&MBA (Design and Management By Area) สามารถพัฒนาลูกค้าและชุมชนกว่า 8,889 ราย ทั้งการเติมองค์ความรู้ด้วยโมเดล 1U1C (1 University 1 Community) โดยร่วมกับเครือข่าย ทั้งภาครัฐ เอกชนและสถาบันการศึกษา เพื่อต่อยอดการพัฒนามาตรฐานสินค้าเกษตรตลอดห่วงโซ่คุณค่าและรองรับการเติบโตใหม่ (New Business) โดยอาศัยกลุ่มคนที่ความเชี่ยวชาญในด้านการผลิต การบริหารจัดการธุรกิจ การตลาด รวมถึงการสร้าง Platform เชื่อมโยงธุรกิจภาคการเกษตร เพื่อกระตุ้นให้เกิดการจ้างงานในชุมชน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ และนำไปสู่การจัดการและแก้ไขปัญหาหนี้สินในชุมชน
“ธ.ก.ส. ยังนำจุดเด่นของชุมชนมาพัฒนา ต่อยอด และวางแนวทางการบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวให้สอดคล้องกับความต้องการนักท่องเที่ยว ภายใต้หลัก BCG โดยใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับชุมชน เพิ่มเติมการดีไซน์ทันสมัย มีมาตรฐาน ส่งขายในตลาดกำลังซื้อสูง และยกระดับการท่องเที่ยวเชิงเกษตร (Agro-Tourism) ให้เป็นที่รู้จักทั้งในและต่างประเทศ จึงตั้งเป้าหมายสร้างเส้นทางท่องเที่ยวเชิงเกษตร 12 เส้นทางทั่วประเทศ การยกระดับชุมชนท่องเที่ยวสู่มาตรฐานสากล 97 ชุมชน และสร้างฐานเครือข่ายชุมชนท่องเที่ยวทั่วประเทศกว่า 290 ชุมชน เพื่อสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว คาดว่าจะดึงนักท่องเที่ยวไปเยี่ยมชมไม่ต่ำกว่า 200,000 ราย และร่วมสร้างรายได้ให้ชุมชน ไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท”
สำหรับชุมชนบ้านสามัคคีธรรม มีป่าชุมชนอุดมสมบูรณ์ ทำให้ปลูกต้นไม้ได้หลายประเภท อาทิ ต้นประดู่แดง ต้นมะค่าโมง และต้นไผ่ ได้นำผลผลิตในพื้นที่มาแปรรูปเป็นอาหารและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จำหน่ายไปยังตลาด ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อสร้างอาชีพและรายได้เสริมให้กับคนในชุมชน โดยเฉพาะการนำไม้ไผ่มาใช้ประโยชน์ทั้ง 100% เพื่อลดขยะจากเศษวัสดุและใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เช่น นำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ไม้ไผ่อัดภายใต้แบรนด์ V-WAN เฝือกไม้ไผ่ แก้วน้ำไม้ไผ่ หลอดไม้ไผ่ และหน่อไม้ดองปลอดสาร เป็นต้น ทั้งนี้ รายได้ส่วนหนึ่งชุมชนได้นำไปพัฒนาป่าและปลูกไผ่เพิ่ม เพื่อเป็นการคืนธรรมชาติสู่ป่าชุมชนไม่ให้สูญไป
ธ.ก.ส. ได้มีส่วนร่วมสนับสนุนงบประมาณในการพัฒนาและยกระดับแหล่งท่องเที่ยวในชุมชน การส่งเสริมองค์ความรู้ในการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาพัฒนาผลิตภัณฑ์ ทั้งการยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์ การแปรรูปและการดีไซน์บรรจุภัณฑ์ให้ทันสมัยและได้มาตรฐาน การให้ความรู้ทางการเงินและกิจกรรมสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงิน การยกระดับองค์กรทางการเงินสู่สถาบันการเงินชุมชน เพื่อเสริมสร้างวินัยทางการเงินและการบริหารจัดการกองทุนหมู่บ้านอย่างมีศักยภาพ รวมถึงการสนับสนุนการเพิ่มพื้นที่สีเขียวและการใช้ไม้ยืนต้นเป็นหลักประกันผ่านโครงการธนาคารต้นไม้และการต่อยอดไปสู่การขาย Carbon Credit โดยปัจจัยสำคัญที่ ธ.ก.ส. เข้าไปดูแลคือ จึงต้องการให้เกษตรกร เข้าถึงแหล่งเงินทุนอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรนผ่านสินเชื่อที่หลากหลาย เช่น สินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.01 ต่อปี สินเชื่อเสริมแกร่ง SME และสินเชื่อนวัตกรรมดีมีเงินทุน อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 ต่อปี เป็นต้น.-515 สำนักข่าวไทย
ที่มาข้อมูล/อ่านทั้งหมดได้ที่ : https://tna.mcot.net/business-1321861