พระปัญญาวชิรโมลี นพพร เจ้าอาวาสวัดป่าแสงธรรม สมยานาม “พระเสียดายแดด” (Solar Monk) กล่าวถึงโมเดลโครงการปันแสง ซึ่งปัจจุบันเป็นศูนย์การเรียนรู้ด้านพลังงานและการเกษตร อยู่ในพื้นที่ โคกอีโด่ยวัลเล่ย์ วัดป่าแสงธรรม บ้านดงดิบ อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี ว่าเป็นตัวอย่างของการบูรณาการเทคโนโลยีพลังงานและการเกษตรที่สอดคล้องกับเป้าหมาย SDGs (Sustainable Development Goals) ได้แก่ น้ำ พลังงาน และอาหาร
โมเดลนี้ใช้พลังงานสะอาดและทำการเกษตรมุ่งสู่ความยั่งยืนอย่างไร?
เจ้าอาวาสวัดป่าแสงธรรม เผยว่า โครงการปันแสง วางโจทย์แต่แรกเพื่อให้เป็นต้นแบบของการพัฒนาพลังงานทดแทน การเกษตร และการพึ่งพาตนเองในชุมชน โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น ระบบกักเก็บพลังงานแบตเตอรี่ (BESS) และ Agrivoltaics ซึ่งนำพื้นที่ใต้แผงโซลาร์เซลล์มาใช้ในการปลูกพืชเศรษฐกิจ โครงการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด แต่ยังตอบโจทย์ด้านเศรษฐกิจและความยั่งยืนในระดับชุมชนและประเทศ
เมื่อเป็นศูนย์การเรียนรู้ด้านพลังงานและการเกษตร หลังได้ติดตั้ง ระบบโซลาร์เซลล์โปร่งแสง ขนาด 90 kWp ควบคู่กับระบบกักเก็บพลังงานแบตเตอรี่ลิเธียมขนาด 500 kWh ก็เริ่มมีการใช้ประโยชน์จากพื้นที่ใต้แผงโซลาร์เซลล์โดยการปลูกพืชแบบ Smart Intensive Farming เช่น พืชเศรษฐกิจ สมุนไพร และไม้ดอกกินได้
ทั้งนี้ระบบ BESS (Battery Energy Storage System) คอยทำหน้าที่เก็บพลังงานไฟฟ้าส่วนเกินในช่วงเวลาที่การใช้ไฟฟ้าต่ำ และปล่อยพลังงานมาใช้ในช่วงที่มีความต้องการสูง ช่วยลดความผันผวนของพลังงานทดแทนและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานไฟฟ้า
การตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ BCG Economy
• Bio Economy: การปลูกพืชสมุนไพรและพืชเศรษฐกิจเพื่อสุขภาพ
• Circular Economy: การใช้ทรัพยากรพื้นที่อย่างคุ้มค่า
• Green Economy: การผลิตพลังงานสะอาดจากโซลาร์เซลล์
• Tourism: พัฒนาพื้นที่เป็นแหล่งเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยว
ที่มาข้อมูล/อ่านทั้งหมดได้ที่ : https://mgronline.com/greeninnovation/detail/9680000007859